เปิดรายชื่อแร่หายากที่โลกต้องพึ่งจีน และเบื้องหลังการใช้งานที่เปลี่ยนเทคโนโลยีของโลก

หลายคนอาจไม่เคยรู้ว่า เทคโนโลยีล้ำสมัยในชีวิตประจำวันของเราทั้งสมาร์ตโฟน รถยนต์ไฟฟ้า กังหันลม ไปจนถึงอาวุธทางการทหาร ต่างต้องพึ่งพาสิ่งหนึ่งร่วมกัน นั่นคือ “แร่หายาก” หรือ Rare Earth Mineral ซึ่งแม้จะมีชื่อว่า “หายาก” แต่จริงๆ แล้วพบได้ทั่วไปในเปลือกโลก เพียงแต่มีความเข้มข้นต่ำ และขั้นตอนการสกัดซับซ้อน รวมถึงส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมสูง ทำให้หลายประเทศไม่นิยมผลิตเอง และจีนจึงกลายเป็นแหล่งหลักของโลก แร่หายากไม่ใช่แค่กลุ่มแร่ชนิดเดียว แต่เป็นชุดของธาตุ 17 ชนิดในตารางธาตุ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมยุคใหม่ โดยจีนเป็นประเทศที่มีแหล่งผลิตใหญ่ที่สุด ครอบครองสัดส่วนมากกว่า 60-70% ของการส่งออกทั่วโลก

รายชื่อแร่หายากที่ต้องพึ่งพาจีน และการนำไปใช้งาน

1. นีโอไดเมียม (Neodymium)
แร่ชนิดนี้เป็นหัวใจหลักของแม่เหล็กถาวรที่มีพลังสูง ถูกใช้งานในมอเตอร์ของรถยนต์ไฟฟ้า ลำโพงคุณภาพสูง และกังหันลม เนื่องจากให้พลังแม่เหล็กที่แรงแต่ขนาดเล็ก เหมาะกับการออกแบบอุปกรณ์ให้กะทัดรัด

2. พราซีโอไดเมียม (Praseodymium)
มักนำมาผสมกับนีโอไดเมียมเพื่อเพิ่มความทนทานของแม่เหล็ก ใช้ในเครื่องกำเนิดไฟฟ้า และชิ้นส่วนยานยนต์ นอกจากนี้ยังมีบทบาทในกระจกตัดแสงอินฟราเรดและเลนส์กล้องระดับอุตสาหกรรม

3. เซเรียม (Cerium)
แร่ตัวนี้มักใช้ในกระบวนการขัดเงาแผ่นกระจกหน้าจอ สมาร์ตโฟน และแผ่นโซลาร์เซลล์ รวมถึงในระบบปล่อยไอเสียของรถยนต์เพื่อควบคุมมลพิษ

4. แลนทานัม (Lanthanum)
ใช้ในกล้องถ่ายรูป เลนส์แว่นตาที่มีคุณสมบัติป้องกันรังสี และแบตเตอรี่ไฮบริด โดยเฉพาะในรถยนต์ประเภท Hybrid อย่าง Toyota Prius

5. ดีสโพรเซียม (Dysprosium)
อีกหนึ่งแร่แม่เหล็กสำคัญที่มีบทบาทในมอเตอร์รถยนต์ไฟฟ้า ทำให้แม่เหล็กทนความร้อนสูง และเหมาะกับการใช้งานในสภาวะแวดล้อมที่รุนแรง เช่นในระบบทหารหรืออวกาศ

6. เทอร์เบียม (Terbium)
แร่ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้จอ LED และ OLED และยังใช้ในระบบเครื่องตรวจจับแสง เช่นในอุปกรณ์ทางการแพทย์หรือกล้องถ่ายภาพดาวเทียม

7. อิตเทรียม (Yttrium)
นำไปใช้ในเลเซอร์ การผลิตจอแสดงผล และชิ้นส่วนของเครื่องบินรบ รวมถึงในวัสดุที่ทนต่อการกัดกร่อนและอุณหภูมิสูง

จีนเป็นผู้เล่นหลักในตลาดแร่หายาก เพราะอะไร

แม้ประเทศอื่นๆ จะมีแหล่งแร่เช่นกัน แต่จีนสามารถผลิตได้ในต้นทุนที่ต่ำกว่า มีโครงสร้างอุตสาหกรรมครบวงจร ตั้งแต่เหมือง การแยกแร่ ไปจนถึงการผลิตชิ้นส่วนขั้นสูง เช่น แม่เหล็กถาวร จึงยากที่ประเทศอื่นจะทดแทนได้ในระยะสั้น อีกทั้งจีนยังใช้แร่หายากเป็นเครื่องมือทางการค้าและการทูต เช่นการจำกัดการส่งออกในช่วงที่เกิดความขัดแย้งระหว่างประเทศ หากโลกยังต้องพึ่งพาจีนในฐานะผู้จัดหาเพียงหนึ่งเดียว ความเสี่ยงด้านความมั่นคงทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีก็จะเพิ่มขึ้น หลายประเทศจึงเริ่มลงทุนในโครงการเหมืองแร่ในประเทศของตนเอง เช่น สหรัฐฯ ออสเตรเลีย แคนาดา และเวียดนาม รวมถึงการรีไซเคิลแร่หายากจากขยะอิเล็กทรอนิกส์

สรุปภาพรวมของแร่หายากที่ต้องนำเข้าจากจีน และเหตุผลที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

แม้แร่หายากจะไม่ใช่ของหายากในทางปริมาณ แต่ความซับซ้อนในการผลิต ความเสี่ยงต่อสิ่งแวดล้อม และโครงสร้างอุตสาหกรรมที่จีนมีพร้อมกว่า ทำให้จีนกลายเป็นผู้ควบคุมตลาดระดับโลก หลายอุตสาหกรรมจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพึ่งพาแร่เหล่านี้จากจีน และแร่หายากก็ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดทิศทางของเทคโนโลยีโลกต่อไปอีกหลายทศวรรษ